วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2558

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ทำไมจึงมักจะมีคนกล่าวว่า ทหาร ไม่ใช่นักกีฬา



สิ่งที่ยังคงค้างคาในใจของผมมานานนั่นคือ ความแตกต่างระหว่างการสร้างนักกีฬากับทหารขึ้นมาสักคนคืออะไร เพราะไม่ว่านักกีฬาหรือทหารต่างก็ต้องมีร่างกายที่แข็งแรง มีจิตใจที่มุ่งมั่น มีวินัยไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม หรือ การฝึกทางทหาร ซึ่งท่าจะว่ากันไปแล้ว มีหลายครั้งที่นักกีฬามีความเหนือกว่าทหารด้วยซ้ำ จริงๆ แล้วสิ่งที่ทำให้หลายคนมองว่า ทหารต่างกับนักกีฬาก็คือความเสียสละ ซึ่งที่กล่าวมาตรงนี้ไม่ได้หมายความว่านักกีฬาเป็นผู้ไม่เสียสละ แต่สิ่งที่ทหารมีความเสียสละที่ต่างกันจากความเป็นนักกีฬาคือ ทหารเสียสละร่างกายอวัยวะหรือแม้กระทั่งชีวิต เพื่อปกป้องในสิ่งที่เชื่อ ประเทศชาติ องค์กร หน่วยงาน และ คนที่อยู่ข้างๆ นั่นก็คือเพื่อนทหารด้วยกันเอง
นอกจากความเสียสละแล้วที่มีความแตกต่าง อีกก็คือ กระบวนการหรือ process ในการสร้างนักกีฬากับทหารมีความต่างกันอย่างชัดเจน เช่น การใช้ทรัพยกรเพื่อสร้างนักกีฬา มีความต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เช่น อาหารการกิน นักกีฬาอาจจะได้รับอาหารที่ดีกว่าและมากกว่าทหาร เพราะทหารนั้นต้องใช้ทรัพยากรอย่างจำกัดในการสร้างทหารขึ้นมา นอกจากนี้ยังมีเรื่อง การใช้อาวุธ ตัวอย่างที่เราจะเห็นได้ชัดคือ ทหารแต่ละคนเมื่อได้เข้ามาเป็นทหาร อาจจะได้มีโอกาสยิงปืนโดยใช้กระสุนไม่กี่นัด เช่น เรื่องเล่าว่าทหารเวียดกงในช่วงสงครามเวียดนาม ก่อนที่ทุกคนจะจับปืนออกมาทำการรบ จะได้มีโอกาสฝึกด้วยกระสุนจริงเพียง 5 นัด
สำหรับความแตกต่างสุดท้ายที่พอนึกออกก็ ความต่อเนื่องในการเผชิญสิ่งที่ไม่คาดคิด นักกีฬาอาจถูกฝึกให้อดทน เพื่อให้มีความสามารถที่จะชนะในเกม ซึ่งทุกคนจะรู้ว่าเกมของตนนั้นจบเมื่อไหร่ แต่ทหารนั้นไม่รู้ว่าภารกิจของตนเองจะจบเมื่อไหร่ เมื่อเสร็จภารกิจหนึ่งอาจจะถูกลากให้ไปทำในภารกิจที่ 2 เมื่อภารกิจที่ 2 เสร็จก็อาจจะลากไปทำต่อในภารกิจที่ 3 และไปต่อเรื่อยๆ จนกว่าจะจบ หรือไม่ก็เสียชีวิต ตัวอย่างพวกนี้ สามารถเห็นได้ในสงครามที่มีความยืดเยื้อยาวนาน ทหารจะถูกลากให้ทำภารกิจต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่สามารถที่จะตอบได้ว่า ภารกิจเราจะจบเมื่อไร

เพราะฉะนั้นทหารจึงไม่ใช่นักกีฬา เราถูกสร้างมาบนทรัพยากรที่จำกัด โดยมีความคาดหวังว่าเราจะต้องเป็นผู้เสียสละที่สละได้แม้กระทั่งชีวิตของเราเพื่อปกป้องในสิ่งที่เราเชื่อ และ เราต้องพร้อมที่จะทำหน้าที่ของเราต่อไปเรื่อย จนกว่าเราจะหยุดหายใจ ดังนั้นอาวุธที่สำคัญที่สุดของกองทัพก็คือ ตัวของทหารเองไม่ใช่สิ่งอื่นใด ผมชอบข้อความข้างล่างครับ ซึ่งคำถามที่เราจะต้องตอบในวันนี้คือ เราเป็นอาวุธที่แหลมคมหรือยัง หรือคิดเอาเองว่าเราเป็นอาวุธที่ใช้การได้ แต่ข้อเท็จจริงเราคือ อาวุธที่มีแต่ความทื่อหาความคมใดๆ ไม่ได้เลย แล้วหลอกตัวเองว่าเป็น  Hooaha!!!!


My aim is accurate 
Because I have trained it
My mind is sharp
Because I honed it
My body is strong
Because I have pushed it
I have earned my skill 
with sweat and blood
I am not athlete 
I am a weapon!!

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

Feedback จากชาวสิงค์โปร์ที่มาฝึก Basic Pistol กับทาง ผมและน้องๆ


Feedback จากชาวสิงค์โปร์ที่มาฝึก Basic Pistol กับทาง ผมและน้องๆ ที่มาร่วมกันทำงาน ทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ จากการเป็นครู และการถ่ายทอดแบ่งปันความรู้ให้ผู้อื่น เราไม่จำเป็นต้องเป็นกระบี่มือหนึ่ง แต่เราเป็นผู้ให้ที่ส่งออกสิ่งต่างๆ ด้วยใจ และที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด เราทำงานเป็นทีมที่มีการทำงานอย่างประสานสอดคล้อง ขอบคุณ น้องๆ ที่ปรากฏให้เห็นในภาพถ่ายและไม่เห็นในภาพถ่าย ทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่ร่วมกันสร้างมันขึ้นมา ขอบคุณอีกครั้งที่ทำให้เรามีกำลังใจที่จะทำงานกันต่อไป Hooaha!!!
 — รู้สึกมหัศจรรย์กับ รักษ์ นะ และคนอื่นๆ อีก 2 คนที่ สนามยิงปืน พัน.ร.มทบ.11

จัด Basic Pistol ให้กับทาง Instructor และ นักเรียน Krav Maga สิงค์โปร์



ตัวอย่างภาพสวยๆจากฝีมือน้องรักษ์ รักษ์ นะ กับ action ของ Instructor และ นักเรียน Krav Maga จากสิงค์โปร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ไม่เคยใช้อาวุธปืนมาก่อน ภาพที่เห็นคือวันที่สองที่ได้จับปืน ต้องบอกว่าตั้งใจและ serious มาก แต่พัฒนาการเร็วมากสมเป็นคนสิงค์โปร์จริงๆ
 — ที่ สนามยิงปืน พัน.ร.มทบ.11

จัด Basic Pistol ให้กับทาง Instructor และ นักเรียน Krav Maga สิงค์โปร์



มอบประกาศนียบัตรหลังจบการฝึกและสอบผ่าน มีคุณสมบัติตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร Basic Pistol ที่กำหนดไว้ ให้กับ Instructor และนักเรียน Krav Maga จากสิงค์โปร์ ต้องเรียกได้ว่าประทับใจในความสามารถของแต่ละท่านเลยทีเดียว

ทำความเข้าใจเรื่องการปลดอาวุธผู้ที่จะมาทำร้ายเรา (Disarm Technique)


จัด Basic Pistol ให้กับทาง Instructor และ นักเรียน Krav Maga สิงค์โปร์


22 – 23 พ.ค.58 ทาง Centaur Tactical จัดการฝึก Basic Pistol Course ให้กับ Instructor และนักเรียน Krav Maga จากสิงค์โปร์ เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับปืน โดยมี ผู้เข้ารับฝึกจำนวน 5 คน ทั้ง 5 คนเป็นผู้ที่ไม่เคยใช้อาวุธปืนมาก่อน ผลการฝึก เป็นที่น่าสนใจ ว่าแต่ละคนตั้งใจฝึก สามารถจับถืออาวุธปืนได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย สามารถยิงเข้าเป้าหมายเส้นผ่าศูนย์กลาง 5” ที่ระยะ 7 หลา ได้ทุกคน ขอบคุณพี่น้อง Krav Maga จากสิงค์โปร์ที่แวะมาแลกเปลี่ยนความรู้กับทาง Centaur Tactical ของเราครับ
** ปล. – ขอบคุณน้อง รักษ์ รักษ์ นะ ที่ช่วยถ่ายภาพสวยๆ ให้เราเหมือนเดิม และขอบคุณสมาชิก IKMF ประเทศไทย โหน่ง และ ตั้ม(สห.) ที่มาช่วยเป็น Safety และน้องตูน Army Hero ที่ช่วยนำอุปกรณ์ต่างๆ มาแสดงให้ผู้รับการฝึก ขอบคุณ เพื่อน เหมาะ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้สนาม ครับ
 — ที่ สนามยิงปืน พัน.ร.มทบ.11

วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

รายการ Tactical Line ตอนที่ 6 - การเก็บปืนเข้าซอง ( ยิงปืน )


ในบางสถานการณ์การเก็บปืนเข้าซอง เป็นสิ่งที่จำเป็นเช่น การต้องการใช้ 2 มือเพื่อหยิบจับสิ่งของ หรือ การเก็บปืนเข้าซองเพื่อบรรจุกระสุนในปืนหลัก เป็นต้น

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เมื่อชีวิตเปลี่ยนจากอาจารย์ กลับกลายมาเป็นครู


ผมเชื่อว่าหลายคนคงสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวนี้ผมไม่ได้ ทำงานคล้ายกับอาจารย์สอนหนังสือ หรือ เป็นนักวิชาการด้านความมั่นคง แต่เห็นผมกลับมาจับปืน ฝึกและสอน Hand – to – Hand Combat คำตอบง่ายๆ ของผมคือ สถานการณ์บ้านเมืองในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน นั้นส่งผลให้ผมไม่สามารถทำงานเป็นอาจารย์และนักวิชาการด้านความมั่นคง ได้ถนัดนัก ผมเลยต้องผันตัวเองมาเป็นครูทหาร คำว่าครูทหารน่าสนใจครับ กระบวนการสร้างทหารของกองทัพที่ต้องการให้ทหารแต่ละคนออกมาเป็นทหารอาชีพ สามารถไปทำหน้าที่ของได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทหารทุกนายเลยต้องมีโอกาสที่จะได้รับความการฝึกอบรมและการสอนจากครูทหาร และทุกนายไม่ว่าจะเป็นนายทหารชั้นสัญญาบัตร หรือ ประทวน ต่างก็ต้องเคยผ่านชีวิตการเป็นครูทหารกันทั้งนั้น
ในทางทหารนั้น การสร้างทหารคนหนึ่งจะต้องมีกระบวนการเรียนรู้ ใน 2 ลักษณะ คือ 1) การฝึก และ 2) การศึกษา เพราะฉะนั้นเมื่อผมทำเรื่องการศึกษาไม่ค่อยสะดวก ผมก็ต้องย้ายมาทำเรื่องฝึกแทน และเมื่อทำไปสักพัก ก็เลยผุดแนวความคิด ทำรายการ Tactical Line และ โครงการ : ส่งเสริม ถ่ายทอด และ แลกเปลี่ยน ความรู้ในการปฏิบัติงานทางยุทธวิธี ทำให้วันนี้กลับกลายมาเป็นครูทหารอีกครั้ง หลังจากเป็นอาจารย์มาเสียนาน
ถึงตอนนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วแก่ขนาดนี้จะกลับมาเป็นครูทหารที่ฝึกสอนในเรื่องทางยุทธวิธี ทั้งที่ผ่านมาสอนในระดับยุทธศาสตร์ คำตอบครับง่ายนิดเดียว ข้อแรก ผมเป็นทหารถ้านับตั้งแต่เป็นนักเรียนทหารมาก็ร่วม 30 ปี วิชาการทหารนั้นเราสั่งสมมานาน และที่สำคัญถ้าเราหมั่นค้นคว้าและฝึกฝนอยู่เสมอแล้ว ความรู้ของเราจะใหม่อยู่เสมอครับ ที่สำคัญเรายังสามารถวิเคราะห์เรื่องราวต่างๆ ได้แล้วนำมาสังเคราะห์เป็นความรู้ใหม่เพื่อนำมาถ่ายทอดต่อไปได้
เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นอาจารย์สอนระดับยุทธศาสตร์และความมั่นคง หรือ ครูทหารสอนระดับยุทธวิธี ผมก็ทำงานเหมือนเดิม เพียงแต่เปลี่ยนระดับ เปลี่ยนผู้เรียน เปลี่ยนเนื้อหาก็เท่านั้น ความรู้ทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่เคยหยุดนิ่ง การคิดค้น ค้นคว้า สิ่งใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องปรับตัวให้เข้ากับความการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ... Hooaha!!!
** ปล. – ขอยืมภาพที่ไปจัดทำ โครงการ : ส่งเสริม ถ่ายทอด และ แลกเปลี่ยน ความรู้ในการปฏิบัติงานทางยุทธวิธี ให้กับ Operators ของหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง มาใช้เป็นภาพประกอบ และ ขอบขอบคุณน้อง รักษะ นะ ที่ถ่ายภาพออกมาสวยงามเหมือนเดิม

ทอทหารรำพึงรำพันวันนี้ :


สิงโตแม้จะแก่ ผอมแห้งแรงน้อย หมดแรงไล่ล่า แต่มันก็ยังคงเป็นสิงโต มันคงไม่ไปขอใครกิน และยอมตายอย่างทรนง เพราะถ้าไปขอเขากิน มันก็ไม่ต่างอะไรกับไฮยีน่า สังคมทุกวันนี้หลายคนละทิ้งอุดมการณ์ จากที่เคยฝันจะเป็นสิงโต เลยแปรสภาพเป็นไฮยีน่ากันเยอะ เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดลืมตามาดูโลกเพียงวันเดียวเป็นสิงโต นั้นยังมีเกียรติกว่าเกิดเป็นอย่างอื่นแล้วมีชีวิตยืนยาว 100 ปี 1000 ปี แล้วรุมทึ้งแย่งอาหารกันเพราะสิงโตยังไงก็คือสิงโตวันยังค่ำ คำถามง่ายๆ ในใจเราวันนี้ คือ เราเลือกที่จะเป็นอะไร จะยืนยังไงในสังคมและเราจะทำอะไรให้สังคมและส่วนรวม นอกเหนือจาก ตัวเอง ครอบครัวและพรรคพวกของตัวเองที่เรากำลังทำอยู่ ...... Hooaha!!!

วันเสาร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ผมเห็นอะไรในกระบวนการเรียน Ice Skating




ในอดีตที่ผ่านมา ผมเคยดู Figure Skating บ่อยๆ ตอนสมัยที่ผมศึกษาปริญญาเอกอยู่ที่ Florida (1999 – 2003) สมัยนั้น Michelle Kwan กำลังดัง ผมได้มีโอกาสได้ดูเพราะ เพื่อนๆ หลายคนพูดถึง แต่พอจบการศึกษากลับก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ดูอีกเพราะเมืองไทยไม่ค่อยเป็นที่นิยมกัน Figure Skating จึงเลือนหายไปจากความรู้สึก จนกระทั่งเมื่อผมมีลูกสาว พออายุได้ 6-7  ขวบเคยพาไปเล่น เพราะเธออยากเล่น ตอนนั้นก็ไปแค่ครั้ง สองครั้ง ต่อมาปีที่แล้ว (2557) วันปิยะมหาราช (23 ต.ต.57) สาวน้อยเธอขอไปเล่นอีก คราวนี้เราตัดสินใจให้เรียนกับคุณครู จากนั้นก็เรียนมาเรื่อยๆ กับครูแนน จนกระทั่ง คุณครูแนนมาถามว่าจะลองลงแข่งมั้ย ด้วยความที่ไม่มีความรู้เรื่องการแข่งขันเลย ก็งงๆ เพราะไม่คิดว่าสาวน้อยจะไปแข่งอะไรได้ แต่ก็มองว่าเป็นประสบการณ์ ก็เลยให้ลง สาวน้อยก็มีซ้อมอาทิตย์ละครั้ง จนกระทั่งใกล้วันแข่ง สาวน้อยมาขอซ้อมเอง ก็เลยพาไปซ้อมเพิ่มเติม 2 ครั้ง แล้วก็ลงแข่ง วันจริง คือวันที่ 7 พ.ค.57 จำนวน 3  events (ความจริงก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยคุณครูแนน ถามว่าลงแข่ง อันนี้มั้ย ผมพยักหหน้าหมด 555) คือ

- Event 2 – ระดับ Pre Alpha ของเด็กอายุ 8 ขวบ (Pre Alpha เป็นระดับที่สาวน้อยเพิ่งสอบผ่าน ระดับต่ำสุด) ผลที่ได้ สาวน้อย ได้ที่ 1
- Event 21 Solo Compulsories ผลที่ได้ สาวน้อย ได้ที่ 2
- Event 33 – Jump and Spin ระดับ Low ผลที่ได้ สาวน้อย ได้ที่ 4

ผลที่ได้เกินความคาดหมายเพราะไม่คิดว่าสาวน้อยจะแข่งแล้วได้ที่ดีอะไร เพราะเพิ่งเรียนยังไม่ถึง 20 ครั้งเลย ถามว่าดีใจมั้ยก็แอบดีใจที่ได้เหรียญ แต่สิ่งที่ผมอยากบอกว่าทำไมผมต้องมาเขียนเล่าเรื่องอะไรมากมาย บางคนก็อาจจะมองว่าอวดเรื่องลูก แต่สิ่งที่ผมอยากจะไม่ได้เป็นเรื่องความสามารถพิเศษอะไรของลูกสาว หรือ อวดอะไร แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ มีเด็นหลายคนที่เป็นเหมือนลูกสาวของผม การแข่งเหมือนการให้กำลังใจเด็กที่เข้ามาเรียนและจะได้แสดงออกตามระดับความสามารถของตน เป็นการทำกิจกรรมเพื่อให้กำลังใจเด็กๆ และสร้างแรงบันดาลใจให้เรียนเพื่อให้มีทักษะที่สูงขึ้น

ผมนั่งมองเด็กทุกคนที่ลงแข่งล้วนแต่มีสมาธิ ใจจดใจจ่อกับสิ่งที่ตัวเองจะต้องออกไปแสดงบนลานน้ำแข็งที่กว้าง และมีเด็กเหล่านั้นคนเดียว อยู่บนลานนำแข็ง กำลังแสดงความสามารถและทักษะต่างๆ ของตนให้กับคนดูรอบลานน้ำแข็งจำนวนมาก และเด็กๆ เหล่านี้มีความมั่นใจในตัวเองที่จะออกไปแสดงบนลานน้ำแข็งอันกว้างใหญ่เย็นยะเยือก ท่ามกลางสายตาของคนจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่วันแรกๆ ของการแข่งคือเหล่าผู้ปกครองของเด็กๆ ที่เฝ้ารอดูลูกหลานของตนและให้กำลังใจเด็กๆ ทุกคนที่ลงไปแข่ง

สาวน้อยของผมก็ไม่ต่างจากคนอื่น เธอเริ่มขอพ่อแม่เพื่อมาฝึกซ้อมเอง ไม่เคยมีใครบังคับเธอ มาถึงก็ลงซ้อม แต่อาจจะไม่เหมือนเด็กคนอื่นที่มีความมุ่งมั่นมากกว่าเพราะพอสาวน้อยซ้อมไปได้สักพัก พอเริ่มรู้สึกว่าทำได้ก็ไม่ได้ซ้อมต่ออะไร เมื่อถึงวันแข่งเธอตื่นเต้นตลอดเวลาก่อนที่จะแข่ง เธอแข่ง Event 2 ซึ่งเป็นครั้งแรกของเธอนั้นสาวนน้อยบอกว่าตื่นเต้น แต่พอเริ่มแสดงแล้วความรู้สึกเหล่านั้นหายไป หลังจากแข่งเสร็จทุก Event เธอบอกว่าปีหน้าขอลงแข่งใหม่เธออยากลงอีก และเธอขอมาดูการแข่งในวันสุดท้ายซึ่งเป็นการแข่งในระดับ advance

ระหว่างการแข่งขัน ผมนั่งมองเด็กๆ ทุกคน นั้นสิ่งที่ผมเห็นเด็กส่วนใหญ่นั้นมาแข่งเพราะได้มีโอกาสแต่งชุดสวย และได้ออกไปแสดง มีรางวัลให้กำลังใจ คือเหรียญต่างๆ เพราะระดับเริ่มๆ ต้น นั้นทุกคนที่ลงแข่งแทบทุกคนจะได้เหรียญ ในเด็กที่ผมเห็นหลายคนนั้นมีเพียง 10-20% นั้นมีสายตาที่มุ่งมั่นและปราถนาอย่างแรงกล้าในการทำให้ดีที่สุด เพื่อให้ตัวเองไปเป็นทีมชาติ หรือมีโอกาสในการแข่งระดับโลก

เพราะฉะนั้น คนที่เรียน Figure Skating นั้นจะมีกระบวนการสร้างความมั่นใจ สร้างความมุ่งมั่น การมีสมาธิใจจดใจจ่อกับสิ่งที่เรากำลังจะทำและพยายามทำสิ่งต่างๆ เหล่านั้นให้มีความผิดพลาดน้อยที่สุด ถึงแม้จะไม่เป็นทุกคนที่จะมุ่งมั่นจะไปแข่งในระดับนานาชาติหรือติดทีมชาติ แต่ Figure Skating ก็สร้างให้เด็กมีสมาธิทำสิ่งที่กำลังทำ ให้ทำออกมาให้ดีที่สุดเท่าที่เขาเหล่านั้นจะทำได้

สรุปคือที่ผมเขียนมาเยอะแยะเพราะ ผมอยากให้เรามองเห็นทะลุเข้าไปถึงกระบวนการเรียนรู้ที่ให้เด็กๆ มีสมาธิ มีความรับผิดชอบ กล้าแสดงออก มีความมั่นใจตนเอง มากกว่าจะไปมองที่เหรียญที่เด็กๆ แต่ละคนได้มา นี่คือสิ่งที่ผมได้เห็น แต่ข้อเสียมีเรื่องเดียวคือ ค่าใช้จ่ายในการเรียน เล่น ฝึกซ้อม และแข่งกีฬาชนิดนี้ถือได้ว่าค่อนข้างสูง

สุดท้ายครับ ทำอะไรก็ตามอย่าบังคับให้ลูกๆ ทำสิ่งที่เราอยากให้ทำ แต่เราควรสนับสนุนให้ลูกๆ ของเราทำให้สิ่งที่เขาอยากทำ และเขาเลือกเอง เขาก็จะทำสิ่งเหล่านั้นอย่างมีความสุข .....เอวังครับ

** ปล.- ขอขอบคุณ คุณครูแนน อีกครั้งที่ได้สอนให้สาวน้อยของผม ทำในสิ่งต่างๆ ที่ไม่คิดว่าจะทำได้ หาท่านใดอยากให้ลูกหลานมาเรียน Figure Skating ก็แวะมาเรียนกับคุณครูแนน ได้นะครับ ที่ The Rink Central พระราม 9 หากครูแนนไม่ว่างติดสอน ครูท่านอื่นๆ ก็ได้ครับ คุณครูน่ารักทุกคน




ทอทหาร - รำพึงรำพัน

ทุกวันนี้หลายคนมุ่งแต่ผลประโยชน์ของตน และ ของกลุ่มตน มองแล้วเหมือนทุกคนที่มีอำนาจ มีโอกาส ต่างถือถังมาคนละใบ พลั่วคนละอัน จากนั้นเมื่อตัวเองมีตำแหน่ง มีโอกาส ก็เริ่มจะใช้พลั่วตักผลประโยชน์เข้าถังตัวเอง ถ้าเมื่อไรเริ่มตักในสิ่งเดียวกันก็จะเอาพลั่วมาตีกัน สู้กันไม่ได้ก็เอาพวกมาตีกันต่อ สังคมทุกดูไปแล้วก็มีลักษณะนี้กัน หากเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วลูกหลานเราในวันข้างหน้าจะเหลืออะไร จะอยู่กันยังไง ในเมื่อคนที่มีโอกาส มีอำนาจในยุคนี้เลือกตักสิ่งต่างๆ ที่จะเอาไว้ใช้ประโยชน์ในอนาคต ไปหมดแล้ว ว่าแล้วก็รักชาตน้ำลายไหลกันต่อไป Hooaha!!!

วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

Krav Maga ในงาน VIP Protection หรือ Body Guard

Krav Maga นอกเหนือจะเป็นเทคนิคป้องกันตัวที่ประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นประจำวัน สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ ของ Krav Maga คือการป้องกันบุคคลที่ 3 หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า  Third Party Protection ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับงาน VIP Protection หรือ Body Guard หรือแม้กระทั้งเราประยุกต์ใช้ในการปกป้องครอบครัวหรือคนข้างกายของเรา ตัวอย่างใน Clip เป็นการฝึกการป้องกันตัวจากมีด และ VIP Protection ใน ฮ่องกง ของ IKMF เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากทำงานทางด้าน VIP Protection หรือ เป็น Body Guard นั้นคงต้องหาโอกาสมาทำความรู้จักกับ Krav Maga

การฝึกเทคนิคป้องกันตัวนั้นควรจะให้สำคัญกับ Instructor หรือ ผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรอง เพราะ เทคนิคต่างที่ใช้ในการป้องกันตัวนั้นเราต้องนำมาใช้จริงเมื่อเกิดเหตุ หากผู้ฝึกสอนที่ไม่ได้มาตรฐานสอนกันเองแล้ว คงจะต้อระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงชีวิตของเราก็เป็นได้ การฝึกการป้องกันตัวเราไม่ได้เน้นที่ท่าทางสวย แต่เราเน้นที่ความปลอดภัยเมื่อต้องใช้งานจริงหรือระหว่างฝึก เพราะฉะนั้นเราอย่างมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กๆ .....เอวังครับ


https://youtu.be/7n1cE2ewmJQ

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

ความน่าสนใจของ Krav Maga คือการประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังที่ผมเคยได้กล่าวถึงการใช้ Krav Maga ในการป้องกันตัว กรณี ไปกดเงินที่ตู้ ATM และ ภัยที่เกิดขึ้นในรถหรือขณะกำลังขึ้นรถหรือลงจากรถ ซึ่งในต่างประเทศจะมีการฝึกในลักษณะนี้เยอะ วันนี้ผมจะนำ clip มาฝากเรื่องการฝึกประยุกต์ใช้ Krav Maga ในการป้องกันตัวในสถานบันเทิง หรือในภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Bar Fight มาให้หลายๆ ท่านได้เห็นภาพ และเห็นประโยชน์และประสิทธิภาพของ Krav Maga มากขึ้น

http://youtu.be/EAPn07mb7rs

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องของเหรียญตราจากสงคราม

สำหรับทหารไม่ว่าชาติไหนความกล้าหาญของทหารในสนามรบคือ สิ่งที่สำคัญที่สุด และทุกชาติก็ตอบแทนทหารผู้ที่กล้าหาญเหล่านี้ด้วย เหรียญโลหะห้อยอยู่บนแถบผ้า โดยผู้ที่อยู่ร่วมในสมรภูมินั้นจะกลับมาเป็นผู้เล่าและกล่าวขาน และทุกคนก็ยอมรับในความเสียสละของผู้กล้าหาญเหล่านั้น ทหารอังกฤษนายนี้เป็นทหารอีกนายที่ได้แสดงความกล้าหาญโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างยอมรับในความกล้าหาญ โดยไม่จำเป็นต้องมียศที่สูงอะไรเลย
เรื่องนี้ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาว่า มีหลายครั้งหลายที่ทหารกลับมาจากสมรถูมิ แล้วเขียนนิยายเพื่อให้ตนเองได้เป็นผู้กล้าและได้รับเหรียญตรา โดยที่ตนเองไม่ได้แสดงความกล้าหาญสิ่งใดเลย และหากินกับร่างที่ไร้วิญาณของเพื่อร่วมอาชีพ ทหารที่ไม่ได้กล้าเหล่านี้กลับมาใช้ชีวิติที่เหลืออย่างมีความสุขท่ามกลางคำสรรเสริญเยินยอ นี่คืออีกมุมของเหรียญตรา
ท้ายที่สุดผมขอสรรเสริญทหารผู้กล้าไม่ว่าเขาจะเป็นทหารชาติใด และ ขอให้ทหารที่หากินและเหยียบย่ำไปบนศพและความยากลำบากของเพื่อนร่วมอาชีพจงสำลักในเกียรติยศตราบจนกว่าจะสิ้นลม Hooaha!!!

การประยุกต์ใช้ Krav Maga ในการป้องกันตัวขณะกด ATM


หลายท่านมักสงสัยว่าทำไมผมถึงสนใจ Krav Maga ผมให้คำอธิบายง่ายๆ ว่า Krav Maga เป็นเทคนิคป้องกันตัวที่เป็น Hybrid System ผสมผสานทุกอย่างจากทุกศิลปป้องกันตัว ที่สำคัญ Krav Maga มีการพัฒนาให้ทันสมัยสอดคล้องกับภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ในสังคม คนที่ฝึก Krav Maga เมื่อ10-20 ปีที่แล้ว แล้วไม่ update ก็จะแก้ปัญหาภัยที่เกิดขึ้นต่างกัน และมีความเป็นไปได้ว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่าคนที่ฝึกในปัจจุบัน ทำให้ Krav Maga เหมือน Software ที่ต้อง update เสมอใน Clip. นี้เป็นตัวอย่างของ Krav Maga ที่นำมาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน คือภัยขณะเดินทางมากดเงินที่ตู้ ATM

ปล.เทคนิคใน Clip หลายเทคนิคยังไม่ดีเพราะเป็นผู้เริ่มฝึกใหม่เช่น การแย่งปืนที่เสี่ยงและมีอันตราย แต่เราจะเห็นถึงการใช้ Krav Maga ในชีวิตประจำวันครับ

การประยุกต์ใช้ Krave Maga ในรถยนต์

ด้วยการที่ Krav Maga เป็นเทคนิคป่องกันตัว (Self Defense System) ทำให้การฝึก Krav Maga นั้นสามารถฝึกที่ไหนและฝึกกับอะไรก็ได้ในขีวิตประจำวัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ การฝึก Krav Maga กับการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน สนใจลองเข้าไปดูนะครับ

รู้จักกับ คราฟ มากา (Krav Maga) เทคนิคการป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพของอิสราเอล

บทความลงในนิตยสาร TopGun ฉบับที่ 202 เรื่อง รู้จักกับ Krav Maga สนใจหาอ่านได้ครับ

การใช้ชีวิตในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น พวกเราทุกคนตื่นมาพร้อมกับ การรับข่าวสารในเรื่องของอาชญากรรมที่มีปรากฏให้เห็นในทุกเช้า หากเราไม่เรียนรู้และรับทราบว่าภัยจากอาชญากรรมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร มีรูปแบบ อย่างไร แล้ว สักวันภัยเหล่านั้นอาจจะมาเกิดขึ้นกับเราหรือคนที่เรารัก ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึง เราอาจจะมานั่งเสียใจว่าถ้าเราได้เรียนรู้ภัยต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นภัยเหล่านั้นก็คงไม่เกิดขึ้นกับเรา ในวันนี้สังคมไทยเราเริ่มตื่นตัว และให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเองและคนที่เรารัก ด้วยการฝึกศิลปป้องกันตัวต่างๆ (Martial Art) หรือไม่ก็เป็นการฝึกเทคนิคในการป้องกันตัว (Self Defense) เพื่อความมั่นใจในการเผชิญสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และเมื่อความต้องการเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันตัวมากขึ้น Krav Maga จึงกลายมาเป็นหนึ่งในบรรดาเทคนิคป้องกันตัว ที่เริ่มมีการกล่าวถึงมากขึ้นว่าเป็นเทคนิคหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการป้องตัว โดยใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่นานนัก

อะไรคือ Krav Maga
Krav Maga เป็นเทคนิคการป้องกันตัวของอิสราเอล มีการสะกดในภาษาฮิบรูว่า קרב מגע ซึ่งออกเสียงว่า คราฟ มาก้า แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Contact Combat” โดย Krav Maga เป็นเทคนิคการป้องกันตัว ที่มีการฝึกสอนในกองทัพอิสราเอล โดยมี อิมี่ ริทเทอนฟิลด์ (Imi Lichtenfeld) หรือมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า อิมี่ แซด-ออ (Imi Sde-Or) เป็นผู้เริ่มคิดค้นเทคนิคการป้องกันตัว

Imi Lichtenfeld เป็นชาวฮังกาเลี่ยนเชื้อสายยิว มีบิดาเป็นตำรวจ เติบโตมาในท่ามกลาง การเหยียดผิว Imi ได้พบเห็นการรุมทำร้ายชาวยิวตามท้องถนน Imi เองได้ทำการฝึกฝน ยิมนาสติค และมวยปล้ำ ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2478 (ค.ศ.1935) Imi ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกชาวยิว ประมาณ 100 คนรวมตัวกันป้องกันการถูกรุมทำร้ายตามท้องท้องถนน ต่อมาในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ด้วยภัยจากกองทัพนาซีได้อพยพย้ายไปยังดินแดนปาเลสไตน์ หรือ อิสราเอลในปัจจุบัน Imi ได้สมัครเข้าเป็นทหารของกองทัพอิสราเอล และเริ่มได้ความรู้ทางด้านการป้องกันตัวสอนทหาร

ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2491 (ค.ศ.1948) อิสราเอลเริ่มตั้งกองทัพ (Israel Defense Forces: IDF) ขึ้นมา Imi ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าครูผู้ฝึกสอนด้านสมรรถภาพร่างกายและ Krav Maga ในโรงเรียนสมรรถภาพร่างกายและการต่อสู้ Imi รับราชการทหารมา 20 ปี จนเกษียณอายุจากทหาร ในช่วงที่อยุ่ในกองทัพ Imi ได้พัฒนาเทคนิคการต่อสู้ ในลักษณะต่างๆ และเมื่อ พ.ศ.2507 (ค.ศ.1964) Imi ได้เริ่มตั้งโรงเรียนสอน Krav Maga ให้กับบุคคลพลเรือนทั่วไป โดยเริ่มตั้งโรงเรียนที่เมือง เทลอาวีฟ และ เนทันยา Imi พัฒนาให้ Krav Maga เป็นเทคนิคที่ทุกคนสามารถฝึกหัดได้ Imi สอน Krav Maga จนวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อ พ.ศ.2541 (ค.ศ.1998) ด้วยอายุ 88 ปี

ปัจจุบัน Krav Maga เป็นเทคนิคป้องกันตัวที่มีการพัฒนาตลอดเวลา โดยเทคนิคต่างๆ เปลี่ยนไปตามรูปแบบของการทำร้าย การใช้อาวุธในรูปแบบใหม่ และ อาวุธใหม่ที่เกิดขึ้น ด้วยการที่ Krav Maga มีการปรับปรุงเทคนิคให้มีความสอดคล้องกับภัยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในลักษณะที่เรียกว่าเป็นเทคนิคพันทาง (Hybrid) เพราะนำศิลปะการต่อสู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น มวยสากล มวยปล้ำ มวยไทย ไอกิโด ยิวยิตสู และอื่นๆ อีกทั่วโลก มาพัฒนาเป็เทคนิคใหม่ๆ จึงทำให้ Krav Maga กลายเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิในการป้องกันตัวแขนงหนึ่งในปัจจุบัน

ทำไมปัจจุบันถึงมีการกล่าวถึง Krav Maga มากขึ้น
ในบรรดาเทคนิคการป้องกันตัวที่ฝึกกันทั่วโลก นั้นเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า Krav Maga เป็นเทคนิคการป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพในอันดับต้นๆ ของโลกที่ได้รับการยอมรับ ส่วนหนึ่งนั้นมาจาก การที่ Krav Maga เป็นเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวที่นำศิลปป้องกันตัวหลายแขนงมาผสมผสานกันจนกลายเป็นเทคนิคป้องกันตัวที่สามารถฝึกได้ง่าย และใช้เวลาเรียนรู้ฝึกปฏิบัติไม่นานนัก

นอกจากนี้สาเหตุที่ Krav Maga ได้รับความสนใจมากนั้นส่วนหนึ่งจะมากจาก ภาพยนต์ Hollywood หลายเรื่องนำ Krav Maga มาเป็นส่วนหนึ่งของฉาก action ทำให้ดาราหลายคนต้องมาฝึก Krav Maga ก่อนแล้วไปเข้าฉากถ่ายทำ อย่างเช่น Jennifer Lopez ต้องฝึก Krav Maga ก่อนเข้าฉาก ในภาพยนต์เรื่อง Enough ที่สร้างในปี พ.ศ.2545 หรือจะเป็น Tom Cruise ในภาพยนต์เรื่อง Jack Reacher ที่สร้างในปี พ.ศ.2555 หรือ Matt Damon ที่เล่นเป็น Jason Bourne ในภาพยนต์ชุด Bourne Series - Bourne Identity, Bourne Supremacy, และ Bourne Ultimatum นอกจากนี้ยังมี Liam Neeson ในภาพยนต์เรื่อง Taken ทุกตอน และ Jason Statham ในภาพยนต์เรื่อง Expendables ที่เด่นชัดคือ ฉากการต่อสู้ในสนามบาสเก็ตบอล

หลักการของ Krav Maga
            โดยทั่วไปหลักการของ Krav Maga นั้นจะมีหลักปฏิบัติที่สำคัญดังนี้
(1) หยุดภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในทันที
(2) ตอบโต้การกระทำด้วยท่าทางที่ดุดันก้าวร้าว
(3) หลีกเลี่ยงการติดพันโดยเร็วที่สุด
(4) ตรวจสอบภัยคุกคามใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

Krav Maga ฝึกอะไรกันบ้าง
          ในการฝึก Krav Maga นั้นจะเน้นไปที่ ความง่ายในการฝึก ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที และเปลี่ยนจากผู้ตั้งรับมาเป็นฝ่ายรุกอย่างรวดเร็ว ในการฝึก Krav Maga นั้นจะฝึกเทคนิคในการแก้ไขการบีบคอในทิศทางต่างๆ การแก้ไขการล๊อคคอในทิศทางต่างๆ การแก้ไขการจับเสื้อ การจับแขน การป้องกันการทำร้ายจากมือเปล่า การป้องกันการทำร้ายจากการแตะ เข่า ศอก การป้องกันการทำร้ายด้วยกระบอง มีด และ การป้องกันการทำร้ายจากการใช้ปืนจี้บังคับ การแย่งปืนและมีดจากฝ่ายตรงข้ามเป็นต้น





            นอกเหนือจากการฝึกเทคนิคในการป้องกันตัวทั่วไปแล้ว ยังมีการฝึกในรูปแบบต่างๆ ที่มีเฉพาะเจาะจงลงไปเช่น การฝึก Krav Maga เพื่อใช้ทางทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ การอารักขาบุคคลสำคัญ การสอน Krav Maga ในเด็ก และ ผู้หญิง เป็นต้น

การแบ่งระดับของผู้ที่ฝึก Krav Maga
            ในระบบการเรียน สอน และฝึก ของ Krav Maga โดยทั่วไป จะแบ่งออกเป็นสามระดับ คือระดับเริ่มต้นคือ Practitioner (P) มี 5 ระดับ คือ P 1 – 5, ระดับกลาง Graduate (G) มี 5 ระดับ คือ G 1 – 5, และระดับสูง Expert (E) มี 5 ระดับ คือ E 1 – 5 และ บางองค์กรมีการกำหนดระดับMaster (M) มี 3 ระดับ คือ M 1 – 3 ซึ่งระดับ Master ส่วนใหญ่จะเป็นคนอิสราเอล

            เครื่องหมายที่ระบุความสามารถของผู้เข้ารับการฝึกในแต่ระดับส่วนมากจะมีลักษณะเป็น patch ใช้ติดที่กางเกง แต่ก็มีบางองค์กรใช้สาย belt ต่างๆ แทนระดับความสามารถของผู้รับการฝึก สำหรับการสอบระดับความสามารถของผู้เข้ารับการฝึกนั้น หลายหน่วยงานทั่วโลกจะมีการสอบที่ค่อนข้างจะมีการเข้มงวด ผู้เข้ารับการสอบจะต้องสอบปฏิบัติต่างๆ หลายชั่วโมงต่อเนื่อง ยิ่งในระดับสูงๆ แล้ว การสอบนั้นจะใช้เวลา 10 -12 ชั่วโมงต่อเนื่อง มีพักดื่มน้ำต่อครั้ง 2-3 นาที บางแห่งไม่มีการพักทานอาหาร

องค์กรและหน่วยงานที่เปิดสอน Krav Maga และการควบคุมมาตรฐานในปัจจุบัน
ในปัจจุบันความต้องการฝึก Krav Maga ของบุคคลทั่วไปนั้นมีความต้องการมากขึ้น เพราะการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบันนั้นมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นที่จะถูกคุกคามและกลายเป็นเหยื่อของอาชญากรรม และภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ด้วยความต้องการที่มีมากขึ้นนี้เองทำให้ มีผู้ที่ไม่ได้รับการฝึก Krav Maga อย่างถูกต้องนั้นได้อ้างตนเป็นผู้ที่มีความรู้ในเทคนิคของ Krav Maga แล้วก็นำเทคนิคที่อาจจะดูจาก วีดีโอหรือ คลิปต่างๆ มาฝึกฝนเอง แล้วก็นำมาสอนคนอื่นต่อ ซึ่งเรื่องในลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้ที่ได้รับการฝึกด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผู้รับการฝึกมีความมั่นใจ และนำไปใช้ในสถานการณ์ ที่มีความเสี่ยงกับความเป็นความตาย ด้วยความมั่นใจจนเกินไป (Over Confidence) ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการต่อการบาดเจ็บและสูญเสียได้

สำหรับในต่างประเทศนั้น Krav Maga เป็นตลาดการฝึกมีมีความต้องการสูงมากขึ้น ตามลักษณะของภัยคุกคาม ทำให้มีโรงเรียนและสถาบันเปิดสอน  Krav Maga เป็นจำนวนมากและมีปรากฏหลายแห่งเปิดการฝึก Krav Maga โดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นต้นกำเนิดและมีการควบคุมมาตรฐานของ Krav Maga และเมื่อมีการสอนทั่วไปอย่างแพร่หลาย จนเริ่มมีการตั้งคำถามว่า Krav Maga ที่แต่ละคนเรียนกันนั้นเป็น Krav Maga แท้ที่มีการควบคุมคุณภาพของอิลราเอล Krav Maga หรือเปล่า? ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้โดย

(1)   ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอน (Instructor) มีใบอนุญาตในการฝึกสอนจาก บริษัทหรือองค์กรที่เป็นต้นตำรับ Krav Maga จากอิสราเอล

(2)   ตรวจสอบว่า Instructor ที่สอนนั้นมี ระดับความชำนาญในระดับใดและมีประกาศนียบัตรรองรับตามนั้นหรือไม่

การควบคุมคุณภาพของ Krav Maga นั้นทางอิสราเอลได้มีการควบคุมคุณภาพทั้งในมิติขององค์ความรู้และผู้รับการฝึกอย่างเข้มข้น มีกระทรวงศึกษาธิการ ของอิสราเอลควบคุมคุณภาพในภาคส่วนที่นำไปสอบบุคคลพลเรือนภายนอก สำหรับกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล แม้จะเป็นหน่วยงานต้นกำเนิดของ Krav Maga นั้นอาจจะมีการฝึกสอน Krav Maga กันภายในและอาจมีการเปิดหลักสูตรผู้ฝึกสอน Krav Maga ภายในกองทัพอิสราเอล แต่ผู้ที่เป็นผู้ฝึกสอนนั้นไม่สามารถที่จะเปิดสอบและให้ประกาศนียบัตรผู้ฝึกสอน Krav Maga ภายนอกกระทรวงกลาโหมได้

            หน่วยงานที่เปิดสอน Krav Maga อย่างเป็นทางการที่มีการเปิดสอนกันในทั้งในและนอกประเทศอิสราเอล มีที่สำคัญหลักๆ ดังนี้
IKMF – International Krav Maga Federation
• KMG – Krav Maga Global
• IKMA – Israeli Krav Maga Association
• IKM Gabi Noah – International Krav Maga

ส่วนในสหรัฐอเมริกา นั้นจะมีหน่วยงานที่เปิดสอน Krav Maga ที่แพร่หลาย จะเป็น International Krav Maga (IKM) และ  Krav Maga Worldwide (KMW) ที่เพิ่มเติมการฝึก Krav Maga ในลักษณะของการออกกำลังกาย และมีดารา Hollywood หลายคนมารับการฝึก ตัวอย่างเช่น Daniel Craig, Tom Cruise, Jennifer Lopez และอื่นๆ อีกหลายคน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หน่วยงานที่เปิดสอนหลักๆ ได้แก่ International Krav Maga Federation (IKMF) กับ Krav Maga Global (KMG)

ส่วนในประเทศไทยนั้น จากการตรวจสอบยังไม่คนไทยได้รับประกาศนียบัตร หน่วยงานต่างๆ ที่เปิดสอน Krav Maga เดิมจะมีผู้ฝึกสอน Krav Maga จาก IKMF ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ และ KMG ซึ่งชาวสิงค์โปร์ เพียงหน่วยงานละ 1 คนเท่านั้น ปัจจุบัน ผู้ฝึกสอนของ KMG ได้ย้ายสังกัดไปเป็น IKMF ทำให้ KMG ปัจจุบันไม่เหลือผู้ฝึกสอนในประเทศไทย และ IKMF มีผู้ฝึกสอน 2 คน คือ Julian Huang เป็นชาวสิงค์โปร์ และเป็นผู้อำนวยการ IKMF ในประเทศไทย เปิดโรงเรียนสอน Krav Maga ในกรุงเทพชื่อ Krav Maga Bangkok ส่วนผู้ฝึกสอนอีก คนคือ Alwyn Dixon เป็นชาวอังกฤษ เปิดโรงเรียนสอน Krav Maga ที่ภูเก็ต ชื่อ Thailand Krav Maga  สำหรับท่านที่สนใจกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Krav Maga ในประเทศไทย สามารถสืบค้นได้ที่ https://www.facebook.com/IKMF.Thailand