วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2558

Krav Maga ในงาน VIP Protection หรือ Body Guard

Krav Maga นอกเหนือจะเป็นเทคนิคป้องกันตัวที่ประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นประจำวัน สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ ของ Krav Maga คือการป้องกันบุคคลที่ 3 หรือที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า  Third Party Protection ซึ่งเป็นเทคนิคที่ใช้สำหรับงาน VIP Protection หรือ Body Guard หรือแม้กระทั้งเราประยุกต์ใช้ในการปกป้องครอบครัวหรือคนข้างกายของเรา ตัวอย่างใน Clip เป็นการฝึกการป้องกันตัวจากมีด และ VIP Protection ใน ฮ่องกง ของ IKMF เพราะฉะนั้นถ้าเราอยากทำงานทางด้าน VIP Protection หรือ เป็น Body Guard นั้นคงต้องหาโอกาสมาทำความรู้จักกับ Krav Maga

การฝึกเทคนิคป้องกันตัวนั้นควรจะให้สำคัญกับ Instructor หรือ ผู้ฝึกสอนที่ได้รับการรับรอง เพราะ เทคนิคต่างที่ใช้ในการป้องกันตัวนั้นเราต้องนำมาใช้จริงเมื่อเกิดเหตุ หากผู้ฝึกสอนที่ไม่ได้มาตรฐานสอนกันเองแล้ว คงจะต้อระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งนั่นอาจจะหมายถึงชีวิตของเราก็เป็นได้ การฝึกการป้องกันตัวเราไม่ได้เน้นที่ท่าทางสวย แต่เราเน้นที่ความปลอดภัยเมื่อต้องใช้งานจริงหรือระหว่างฝึก เพราะฉะนั้นเราอย่างมองว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็กๆ .....เอวังครับ


https://youtu.be/7n1cE2ewmJQ

วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2558

ความน่าสนใจของ Krav Maga คือการประยุกต์ใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ดังที่ผมเคยได้กล่าวถึงการใช้ Krav Maga ในการป้องกันตัว กรณี ไปกดเงินที่ตู้ ATM และ ภัยที่เกิดขึ้นในรถหรือขณะกำลังขึ้นรถหรือลงจากรถ ซึ่งในต่างประเทศจะมีการฝึกในลักษณะนี้เยอะ วันนี้ผมจะนำ clip มาฝากเรื่องการฝึกประยุกต์ใช้ Krav Maga ในการป้องกันตัวในสถานบันเทิง หรือในภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Bar Fight มาให้หลายๆ ท่านได้เห็นภาพ และเห็นประโยชน์และประสิทธิภาพของ Krav Maga มากขึ้น

http://youtu.be/EAPn07mb7rs

วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องของเหรียญตราจากสงคราม

สำหรับทหารไม่ว่าชาติไหนความกล้าหาญของทหารในสนามรบคือ สิ่งที่สำคัญที่สุด และทุกชาติก็ตอบแทนทหารผู้ที่กล้าหาญเหล่านี้ด้วย เหรียญโลหะห้อยอยู่บนแถบผ้า โดยผู้ที่อยู่ร่วมในสมรภูมินั้นจะกลับมาเป็นผู้เล่าและกล่าวขาน และทุกคนก็ยอมรับในความเสียสละของผู้กล้าหาญเหล่านั้น ทหารอังกฤษนายนี้เป็นทหารอีกนายที่ได้แสดงความกล้าหาญโดยไม่ได้นึกถึงความปลอดภัยของตนเอง ซึ่งทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างยอมรับในความกล้าหาญ โดยไม่จำเป็นต้องมียศที่สูงอะไรเลย
เรื่องนี้ทำให้ผมฉุกคิดขึ้นมาว่า มีหลายครั้งหลายที่ทหารกลับมาจากสมรถูมิ แล้วเขียนนิยายเพื่อให้ตนเองได้เป็นผู้กล้าและได้รับเหรียญตรา โดยที่ตนเองไม่ได้แสดงความกล้าหาญสิ่งใดเลย และหากินกับร่างที่ไร้วิญาณของเพื่อร่วมอาชีพ ทหารที่ไม่ได้กล้าเหล่านี้กลับมาใช้ชีวิติที่เหลืออย่างมีความสุขท่ามกลางคำสรรเสริญเยินยอ นี่คืออีกมุมของเหรียญตรา
ท้ายที่สุดผมขอสรรเสริญทหารผู้กล้าไม่ว่าเขาจะเป็นทหารชาติใด และ ขอให้ทหารที่หากินและเหยียบย่ำไปบนศพและความยากลำบากของเพื่อนร่วมอาชีพจงสำลักในเกียรติยศตราบจนกว่าจะสิ้นลม Hooaha!!!

การประยุกต์ใช้ Krav Maga ในการป้องกันตัวขณะกด ATM


หลายท่านมักสงสัยว่าทำไมผมถึงสนใจ Krav Maga ผมให้คำอธิบายง่ายๆ ว่า Krav Maga เป็นเทคนิคป้องกันตัวที่เป็น Hybrid System ผสมผสานทุกอย่างจากทุกศิลปป้องกันตัว ที่สำคัญ Krav Maga มีการพัฒนาให้ทันสมัยสอดคล้องกับภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ในสังคม คนที่ฝึก Krav Maga เมื่อ10-20 ปีที่แล้ว แล้วไม่ update ก็จะแก้ปัญหาภัยที่เกิดขึ้นต่างกัน และมีความเป็นไปได้ว่ามีประสิทธิภาพน้อยกว่าคนที่ฝึกในปัจจุบัน ทำให้ Krav Maga เหมือน Software ที่ต้อง update เสมอใน Clip. นี้เป็นตัวอย่างของ Krav Maga ที่นำมาใช้ในสถานการณ์ปัจจุบัน คือภัยขณะเดินทางมากดเงินที่ตู้ ATM

ปล.เทคนิคใน Clip หลายเทคนิคยังไม่ดีเพราะเป็นผู้เริ่มฝึกใหม่เช่น การแย่งปืนที่เสี่ยงและมีอันตราย แต่เราจะเห็นถึงการใช้ Krav Maga ในชีวิตประจำวันครับ

การประยุกต์ใช้ Krave Maga ในรถยนต์

ด้วยการที่ Krav Maga เป็นเทคนิคป่องกันตัว (Self Defense System) ทำให้การฝึก Krav Maga นั้นสามารถฝึกที่ไหนและฝึกกับอะไรก็ได้ในขีวิตประจำวัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ การฝึก Krav Maga กับการใช้รถยนต์ในชีวิตประจำวัน สนใจลองเข้าไปดูนะครับ

รู้จักกับ คราฟ มากา (Krav Maga) เทคนิคการป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพของอิสราเอล

บทความลงในนิตยสาร TopGun ฉบับที่ 202 เรื่อง รู้จักกับ Krav Maga สนใจหาอ่านได้ครับ

การใช้ชีวิตในสถานการณ์ปัจจุบันนั้น พวกเราทุกคนตื่นมาพร้อมกับ การรับข่าวสารในเรื่องของอาชญากรรมที่มีปรากฏให้เห็นในทุกเช้า หากเราไม่เรียนรู้และรับทราบว่าภัยจากอาชญากรรมที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอย่างไร มีรูปแบบ อย่างไร แล้ว สักวันภัยเหล่านั้นอาจจะมาเกิดขึ้นกับเราหรือคนที่เรารัก ซึ่งเมื่อวันนั้นมาถึง เราอาจจะมานั่งเสียใจว่าถ้าเราได้เรียนรู้ภัยต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นภัยเหล่านั้นก็คงไม่เกิดขึ้นกับเรา ในวันนี้สังคมไทยเราเริ่มตื่นตัว และให้ความสำคัญกับการป้องกันตัวเองและคนที่เรารัก ด้วยการฝึกศิลปป้องกันตัวต่างๆ (Martial Art) หรือไม่ก็เป็นการฝึกเทคนิคในการป้องกันตัว (Self Defense) เพื่อความมั่นใจในการเผชิญสถานการณ์เลวร้ายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น และเมื่อความต้องการเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันตัวมากขึ้น Krav Maga จึงกลายมาเป็นหนึ่งในบรรดาเทคนิคป้องกันตัว ที่เริ่มมีการกล่าวถึงมากขึ้นว่าเป็นเทคนิคหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการป้องตัว โดยใช้เวลาในการเรียนรู้ไม่นานนัก

อะไรคือ Krav Maga
Krav Maga เป็นเทคนิคการป้องกันตัวของอิสราเอล มีการสะกดในภาษาฮิบรูว่า קרב מגע ซึ่งออกเสียงว่า คราฟ มาก้า แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า “Contact Combat” โดย Krav Maga เป็นเทคนิคการป้องกันตัว ที่มีการฝึกสอนในกองทัพอิสราเอล โดยมี อิมี่ ริทเทอนฟิลด์ (Imi Lichtenfeld) หรือมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า อิมี่ แซด-ออ (Imi Sde-Or) เป็นผู้เริ่มคิดค้นเทคนิคการป้องกันตัว

Imi Lichtenfeld เป็นชาวฮังกาเลี่ยนเชื้อสายยิว มีบิดาเป็นตำรวจ เติบโตมาในท่ามกลาง การเหยียดผิว Imi ได้พบเห็นการรุมทำร้ายชาวยิวตามท้องถนน Imi เองได้ทำการฝึกฝน ยิมนาสติค และมวยปล้ำ ในช่วงประมาณปี พ.ศ.2478 (ค.ศ.1935) Imi ได้รวบรวมสมัครพรรคพวกชาวยิว ประมาณ 100 คนรวมตัวกันป้องกันการถูกรุมทำร้ายตามท้องท้องถนน ต่อมาในปี พ.ศ.2483 (ค.ศ.1940) ด้วยภัยจากกองทัพนาซีได้อพยพย้ายไปยังดินแดนปาเลสไตน์ หรือ อิสราเอลในปัจจุบัน Imi ได้สมัครเข้าเป็นทหารของกองทัพอิสราเอล และเริ่มได้ความรู้ทางด้านการป้องกันตัวสอนทหาร

ต่อมาเมื่อ พ.ศ.2491 (ค.ศ.1948) อิสราเอลเริ่มตั้งกองทัพ (Israel Defense Forces: IDF) ขึ้นมา Imi ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าครูผู้ฝึกสอนด้านสมรรถภาพร่างกายและ Krav Maga ในโรงเรียนสมรรถภาพร่างกายและการต่อสู้ Imi รับราชการทหารมา 20 ปี จนเกษียณอายุจากทหาร ในช่วงที่อยุ่ในกองทัพ Imi ได้พัฒนาเทคนิคการต่อสู้ ในลักษณะต่างๆ และเมื่อ พ.ศ.2507 (ค.ศ.1964) Imi ได้เริ่มตั้งโรงเรียนสอน Krav Maga ให้กับบุคคลพลเรือนทั่วไป โดยเริ่มตั้งโรงเรียนที่เมือง เทลอาวีฟ และ เนทันยา Imi พัฒนาให้ Krav Maga เป็นเทคนิคที่ทุกคนสามารถฝึกหัดได้ Imi สอน Krav Maga จนวาระสุดท้ายของชีวิต เมื่อ พ.ศ.2541 (ค.ศ.1998) ด้วยอายุ 88 ปี

ปัจจุบัน Krav Maga เป็นเทคนิคป้องกันตัวที่มีการพัฒนาตลอดเวลา โดยเทคนิคต่างๆ เปลี่ยนไปตามรูปแบบของการทำร้าย การใช้อาวุธในรูปแบบใหม่ และ อาวุธใหม่ที่เกิดขึ้น ด้วยการที่ Krav Maga มีการปรับปรุงเทคนิคให้มีความสอดคล้องกับภัยที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ในลักษณะที่เรียกว่าเป็นเทคนิคพันทาง (Hybrid) เพราะนำศิลปะการต่อสู้ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น มวยสากล มวยปล้ำ มวยไทย ไอกิโด ยิวยิตสู และอื่นๆ อีกทั่วโลก มาพัฒนาเป็เทคนิคใหม่ๆ จึงทำให้ Krav Maga กลายเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิในการป้องกันตัวแขนงหนึ่งในปัจจุบัน

ทำไมปัจจุบันถึงมีการกล่าวถึง Krav Maga มากขึ้น
ในบรรดาเทคนิคการป้องกันตัวที่ฝึกกันทั่วโลก นั้นเราไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า Krav Maga เป็นเทคนิคการป้องกันตัวที่มีประสิทธิภาพในอันดับต้นๆ ของโลกที่ได้รับการยอมรับ ส่วนหนึ่งนั้นมาจาก การที่ Krav Maga เป็นเทคนิคการต่อสู้ป้องกันตัวที่นำศิลปป้องกันตัวหลายแขนงมาผสมผสานกันจนกลายเป็นเทคนิคป้องกันตัวที่สามารถฝึกได้ง่าย และใช้เวลาเรียนรู้ฝึกปฏิบัติไม่นานนัก

นอกจากนี้สาเหตุที่ Krav Maga ได้รับความสนใจมากนั้นส่วนหนึ่งจะมากจาก ภาพยนต์ Hollywood หลายเรื่องนำ Krav Maga มาเป็นส่วนหนึ่งของฉาก action ทำให้ดาราหลายคนต้องมาฝึก Krav Maga ก่อนแล้วไปเข้าฉากถ่ายทำ อย่างเช่น Jennifer Lopez ต้องฝึก Krav Maga ก่อนเข้าฉาก ในภาพยนต์เรื่อง Enough ที่สร้างในปี พ.ศ.2545 หรือจะเป็น Tom Cruise ในภาพยนต์เรื่อง Jack Reacher ที่สร้างในปี พ.ศ.2555 หรือ Matt Damon ที่เล่นเป็น Jason Bourne ในภาพยนต์ชุด Bourne Series - Bourne Identity, Bourne Supremacy, และ Bourne Ultimatum นอกจากนี้ยังมี Liam Neeson ในภาพยนต์เรื่อง Taken ทุกตอน และ Jason Statham ในภาพยนต์เรื่อง Expendables ที่เด่นชัดคือ ฉากการต่อสู้ในสนามบาสเก็ตบอล

หลักการของ Krav Maga
            โดยทั่วไปหลักการของ Krav Maga นั้นจะมีหลักปฏิบัติที่สำคัญดังนี้
(1) หยุดภัยคุกคามที่เกิดขึ้นในทันที
(2) ตอบโต้การกระทำด้วยท่าทางที่ดุดันก้าวร้าว
(3) หลีกเลี่ยงการติดพันโดยเร็วที่สุด
(4) ตรวจสอบภัยคุกคามใหม่ที่อาจเกิดขึ้น

Krav Maga ฝึกอะไรกันบ้าง
          ในการฝึก Krav Maga นั้นจะเน้นไปที่ ความง่ายในการฝึก ไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อน สามารถตอบสนองต่อภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้ทันท่วงที และเปลี่ยนจากผู้ตั้งรับมาเป็นฝ่ายรุกอย่างรวดเร็ว ในการฝึก Krav Maga นั้นจะฝึกเทคนิคในการแก้ไขการบีบคอในทิศทางต่างๆ การแก้ไขการล๊อคคอในทิศทางต่างๆ การแก้ไขการจับเสื้อ การจับแขน การป้องกันการทำร้ายจากมือเปล่า การป้องกันการทำร้ายจากการแตะ เข่า ศอก การป้องกันการทำร้ายด้วยกระบอง มีด และ การป้องกันการทำร้ายจากการใช้ปืนจี้บังคับ การแย่งปืนและมีดจากฝ่ายตรงข้ามเป็นต้น





            นอกเหนือจากการฝึกเทคนิคในการป้องกันตัวทั่วไปแล้ว ยังมีการฝึกในรูปแบบต่างๆ ที่มีเฉพาะเจาะจงลงไปเช่น การฝึก Krav Maga เพื่อใช้ทางทหาร เจ้าหน้าที่ตำรวจ การอารักขาบุคคลสำคัญ การสอน Krav Maga ในเด็ก และ ผู้หญิง เป็นต้น

การแบ่งระดับของผู้ที่ฝึก Krav Maga
            ในระบบการเรียน สอน และฝึก ของ Krav Maga โดยทั่วไป จะแบ่งออกเป็นสามระดับ คือระดับเริ่มต้นคือ Practitioner (P) มี 5 ระดับ คือ P 1 – 5, ระดับกลาง Graduate (G) มี 5 ระดับ คือ G 1 – 5, และระดับสูง Expert (E) มี 5 ระดับ คือ E 1 – 5 และ บางองค์กรมีการกำหนดระดับMaster (M) มี 3 ระดับ คือ M 1 – 3 ซึ่งระดับ Master ส่วนใหญ่จะเป็นคนอิสราเอล

            เครื่องหมายที่ระบุความสามารถของผู้เข้ารับการฝึกในแต่ระดับส่วนมากจะมีลักษณะเป็น patch ใช้ติดที่กางเกง แต่ก็มีบางองค์กรใช้สาย belt ต่างๆ แทนระดับความสามารถของผู้รับการฝึก สำหรับการสอบระดับความสามารถของผู้เข้ารับการฝึกนั้น หลายหน่วยงานทั่วโลกจะมีการสอบที่ค่อนข้างจะมีการเข้มงวด ผู้เข้ารับการสอบจะต้องสอบปฏิบัติต่างๆ หลายชั่วโมงต่อเนื่อง ยิ่งในระดับสูงๆ แล้ว การสอบนั้นจะใช้เวลา 10 -12 ชั่วโมงต่อเนื่อง มีพักดื่มน้ำต่อครั้ง 2-3 นาที บางแห่งไม่มีการพักทานอาหาร

องค์กรและหน่วยงานที่เปิดสอน Krav Maga และการควบคุมมาตรฐานในปัจจุบัน
ในปัจจุบันความต้องการฝึก Krav Maga ของบุคคลทั่วไปนั้นมีความต้องการมากขึ้น เพราะการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบันนั้นมีความเสี่ยงเพิ่มมากขึ้นที่จะถูกคุกคามและกลายเป็นเหยื่อของอาชญากรรม และภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน ด้วยความต้องการที่มีมากขึ้นนี้เองทำให้ มีผู้ที่ไม่ได้รับการฝึก Krav Maga อย่างถูกต้องนั้นได้อ้างตนเป็นผู้ที่มีความรู้ในเทคนิคของ Krav Maga แล้วก็นำเทคนิคที่อาจจะดูจาก วีดีโอหรือ คลิปต่างๆ มาฝึกฝนเอง แล้วก็นำมาสอนคนอื่นต่อ ซึ่งเรื่องในลักษณะนี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง เพราะผู้ที่ได้รับการฝึกด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผู้รับการฝึกมีความมั่นใจ และนำไปใช้ในสถานการณ์ ที่มีความเสี่ยงกับความเป็นความตาย ด้วยความมั่นใจจนเกินไป (Over Confidence) ซึ่งอาจนำมาซึ่งความเสี่ยงต่อการต่อการบาดเจ็บและสูญเสียได้

สำหรับในต่างประเทศนั้น Krav Maga เป็นตลาดการฝึกมีมีความต้องการสูงมากขึ้น ตามลักษณะของภัยคุกคาม ทำให้มีโรงเรียนและสถาบันเปิดสอน  Krav Maga เป็นจำนวนมากและมีปรากฏหลายแห่งเปิดการฝึก Krav Maga โดยผู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากประเทศอิสราเอล ซึ่งเป็นประเทศที่เป็นต้นกำเนิดและมีการควบคุมมาตรฐานของ Krav Maga และเมื่อมีการสอนทั่วไปอย่างแพร่หลาย จนเริ่มมีการตั้งคำถามว่า Krav Maga ที่แต่ละคนเรียนกันนั้นเป็น Krav Maga แท้ที่มีการควบคุมคุณภาพของอิลราเอล Krav Maga หรือเปล่า? ซึ่งปัญหาเหล่านี้สามารถตรวจสอบได้โดย

(1)   ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอน (Instructor) มีใบอนุญาตในการฝึกสอนจาก บริษัทหรือองค์กรที่เป็นต้นตำรับ Krav Maga จากอิสราเอล

(2)   ตรวจสอบว่า Instructor ที่สอนนั้นมี ระดับความชำนาญในระดับใดและมีประกาศนียบัตรรองรับตามนั้นหรือไม่

การควบคุมคุณภาพของ Krav Maga นั้นทางอิสราเอลได้มีการควบคุมคุณภาพทั้งในมิติขององค์ความรู้และผู้รับการฝึกอย่างเข้มข้น มีกระทรวงศึกษาธิการ ของอิสราเอลควบคุมคุณภาพในภาคส่วนที่นำไปสอบบุคคลพลเรือนภายนอก สำหรับกระทรวงกลาโหมของอิสราเอล แม้จะเป็นหน่วยงานต้นกำเนิดของ Krav Maga นั้นอาจจะมีการฝึกสอน Krav Maga กันภายในและอาจมีการเปิดหลักสูตรผู้ฝึกสอน Krav Maga ภายในกองทัพอิสราเอล แต่ผู้ที่เป็นผู้ฝึกสอนนั้นไม่สามารถที่จะเปิดสอบและให้ประกาศนียบัตรผู้ฝึกสอน Krav Maga ภายนอกกระทรวงกลาโหมได้

            หน่วยงานที่เปิดสอน Krav Maga อย่างเป็นทางการที่มีการเปิดสอนกันในทั้งในและนอกประเทศอิสราเอล มีที่สำคัญหลักๆ ดังนี้
IKMF – International Krav Maga Federation
• KMG – Krav Maga Global
• IKMA – Israeli Krav Maga Association
• IKM Gabi Noah – International Krav Maga

ส่วนในสหรัฐอเมริกา นั้นจะมีหน่วยงานที่เปิดสอน Krav Maga ที่แพร่หลาย จะเป็น International Krav Maga (IKM) และ  Krav Maga Worldwide (KMW) ที่เพิ่มเติมการฝึก Krav Maga ในลักษณะของการออกกำลังกาย และมีดารา Hollywood หลายคนมารับการฝึก ตัวอย่างเช่น Daniel Craig, Tom Cruise, Jennifer Lopez และอื่นๆ อีกหลายคน ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หน่วยงานที่เปิดสอนหลักๆ ได้แก่ International Krav Maga Federation (IKMF) กับ Krav Maga Global (KMG)

ส่วนในประเทศไทยนั้น จากการตรวจสอบยังไม่คนไทยได้รับประกาศนียบัตร หน่วยงานต่างๆ ที่เปิดสอน Krav Maga เดิมจะมีผู้ฝึกสอน Krav Maga จาก IKMF ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ และ KMG ซึ่งชาวสิงค์โปร์ เพียงหน่วยงานละ 1 คนเท่านั้น ปัจจุบัน ผู้ฝึกสอนของ KMG ได้ย้ายสังกัดไปเป็น IKMF ทำให้ KMG ปัจจุบันไม่เหลือผู้ฝึกสอนในประเทศไทย และ IKMF มีผู้ฝึกสอน 2 คน คือ Julian Huang เป็นชาวสิงค์โปร์ และเป็นผู้อำนวยการ IKMF ในประเทศไทย เปิดโรงเรียนสอน Krav Maga ในกรุงเทพชื่อ Krav Maga Bangkok ส่วนผู้ฝึกสอนอีก คนคือ Alwyn Dixon เป็นชาวอังกฤษ เปิดโรงเรียนสอน Krav Maga ที่ภูเก็ต ชื่อ Thailand Krav Maga  สำหรับท่านที่สนใจกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Krav Maga ในประเทศไทย สามารถสืบค้นได้ที่ https://www.facebook.com/IKMF.Thailand

ทำไมผมถึงสนใจและฝึก Krav Maga

ทำไมผมถึงสนใจและฝึก Krav Maga คำตอบง่ายที่ผมสามารถตอบทุกๆ คนที่ผมคือ ผมสนใจที่ Krav Maga เป็นเทคนิคป้องกันตัว (Self Defense Technique) ไม่ใช่ศิลปป้องกันตัว (Martial Art) โดยเทคนิคที่ว่านี้ สามารถเรียนรู้ได้เร็วและนำไปใช้ให้มีประสิทธิภาพในการเผชิญภัยคุกคามต่างๆ ตัวอย่างง่ายๆ ในการเรียน Krav Maga ครั้งแรกนั้น ผู้ที่เข้ารับการฝึกถ้าเจอบทเรียนที่สอนเทคนิคในการเผชิญกับการที่มีคนใช้มีดจี้เพื่อข่มขู่เรา ถ้าเราไม่เคยฝึกอะไรมาก่อนเลย เราก็สามารถใช้เทคนิคนั้นในการป้องกันตัวเราเมื่อเจอสถานการณ์จริงได้เลย ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหนอยู่ที่เราสนใจในการฝึกซ้อมบ่อยแค่ไหน

ด้วยความที่ Krav Maga เป็นเทคนิคป้องกันตัวที่มีลักษณะเป็น Hybrid System ที่รวบรวมจุดแข็งของศิลปป้องกันตัวหลายแขนงมาประยุกต์และรวบรวมเป็น Krav Maga นอกจากนี้ยังเป็นเทคนิคป้องกันตัวที่เกิดขึ้นมาในยุคที่มีปืนใช้กัน ทำให้ Krav Maga ผสมผสานกับการใช้อาวุธปืนทั้งปืนพกและปืนยาวได้อย่างลงตัว อีกทั้งยังมีการมีการปรับปรุงเทคนิคต่างๆ ให้มีความสอดคล้องกับภัยต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน

Krav Maga เกิดขึ้นมาจากการต่อสู้บนถนน เราจะพบว่า ระบบของ Krav Maga สามารถเผิชญกับภัยคุกคามที่มาจากคนที่มากกว่าหนึ่งคน ทำให้ปรัชญาของ Krav Maga กลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจ

วันนี้หากหลายท่าน อยากจะเข้าใจในความเป็น Krav Maga มากขึ้น ผมอยากให้หลายท่านได้ดู Clip ข้างล่าง แล้วท่านจะเข้าใจว่า การปกป้องต้วเอง คนที่เรารัก และสมาชิกอื่นๆ ในสังคม เป็นสิ่งที่เราต้องทำ และเมื่อเราต้องทำแล้ว คำตอบคือ Krav Maga นั่นก็คือ แนวทางหนึ่งที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว Hooaha!!!!

กระดาษใบนี้ มาจากการวางแผน

กระดาษใบนี้เป็นกระดาษที่ผมได้มาโดยการวางแผน เป็นกระดาษที่เป็นของแถมมากจากกระดาษใบแรกที่มีมูลค่าประมาณ 5 ล้านบาท โดยทั่วไปมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ สำหรับการศึกษาในระดับปริญญาเอกจะมีวิชาที่เป็นวิชาการ ประมาณ 8 วิชา จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการทำวิจัย ผมเองก็ไม่ต่างกัน ปริญญาเอกที่ผมไปศึกษานั้นต้องเรียนประมาณ 8 วิชาแต่ผมขออนุญาตอาจารย์และสำนักงานผู้ช่วยทูตทหาร ลงเรียนเพิ่มอีก 11 วิชา รวมเป็น 19 วิชา ส่งผมให้ผมจบปริญญาโทอีกใบก่อนหน้าที่ผมจะจบปริญญาเอก 6 เดือน ทุกวันนี้ผมเองก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรจากกระดาษใบนี้เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก สังคมไทยของเราหลายคนอยากจะมีกระดาษลักษณะนี้ เพื่อที่จะใช้เป็นสิ่งบ่งบอกสถานะในสังคม

เมื่อไหร่สังคมไทยจะก้าวผ่านค่านิยมการมีกระดาษแล้วหันมาให้ความสามารถกับขีดความสามารถของคน ทักษะของคน คุณค่า และ จิตวิญญาณ ของคน โอกาสของคนเรานั้นไม่เท่ากัน ผมนั้นอาจจะมีโอกาสและจังหวะที่ดีกว่าหลายคนที่ได้มีโอกาสไปคว้ากระดาษพวกนี้มา แต่การที่มีมันกลับไม่ได้มีประโยชน์อันใดเลย เพราะถ้าเรามีมันแล้วเราไม่ได้ทำอะไรให้มีคุณค่ากับสังคมเลย แล้วเราจะมีมันไปทำไม สิ่งต่างๆ เหล่านี้คือกับดักทางความคิด ที่ทำให้เราไขว่คว้าไปเรื่อยๆ แต่เมื่อถึงมันแล้ว เราก็ไปไขว่คว้าหาสิ่งใหม่ต่อไป นี่แหละความไม่เคยพอของคน


กระดาษใบนี้มีมูลค่า ประมาณ 5 ล้านบาท


กระดาษใบนี้มีมูลค่า ประมาณ 5 ล้านบาท เป็นเงินที่มาจากภาษีประชาชนคนไทย ผมเองถ้าทำงานใช้หนี้ทุนต้องใช้เวลา 9 ปี และ ถ้าจะลาออกตอนจบการศึกษาผมต้องใช้เงิน 15 ล้านบาท (3เท่า) ทุกวันนี้ผมเองมีความรู้สึกตลอดเวลาว่า ยังทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยไม่คุ้มค่าภาษีของประชาชนเลย สิ่งที่ทำได้สำหรับตัวผมเอง ณ วันนี้คือ ปวารณาตัวเองว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นึกแล้วก็เสียดายประสิทธิผลของงบประมาณแผ่นดินจริงๆ

หลายคนอยากได้กระดาษที่มีลักษณะทำนองอย่างนี้ เพื่อที่จะได้มีโอกาสใช้คำนำหน้าว่า ด๊อกเตอร์ ผมเองนั้นก็ไม่ต่างกันตั้งแต่วันที่ตัดสินใจไขว่คว้าหามันมาจนกระทั่งจบ ผมยังจำความรู้สึกต่างๆ ได้ดีกว่าจะได้กระดาษใบนี้มา ผมต้องนั่งทำงานทั้งวันทั้งคืน ง่วงก็ลงไปนอนข้างโต๊ะ สักพักนึงก็ตื่นขึ้นมาทำต่อ ทำอย่างนี้เป็นเดือนๆ และเมื่อสำเร็จ ผมยังจำความรู้สึกที่ Defense Dissertation ผ่านแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาออกมาจับมือ และพูดว่า แสดงความยินดีด้วย ด๊อกเตอร์ธีรนันท์ ผมยังจำความรู้สึก ณ วันนั้นได้ดี ตอนนี้นี้ก็ผ่านมา 10 กว่าปี ผมกลับรู้สึกว่าผมรู้อะไรอะไรน้อยลงทุกที มีความรู้เท่าเม็ดทรายเล็กๆๆ เพราะมีสิ่งกว้างใหญ่ไพศาลในโลกนี้อีกจำนวนมากที่คนหนึ่งคนจะไม่สามารถรับรู้ได้หมด และผมก็เชื่อว่าหลายคนที่จบปริญญาเอกมาก็คิดเหมือนผม คือเรารู้อะไรแค่จุดเล็กๆ แต่คนอื่นมักจะคิดว่าเรารู้ทุกเรื่อง ความจริงแล้วสิ่งสำคัญของคนที่จบปริญญาเอกมา ไม่ใช่รู้ทุกเรื่อง แต่เป็นความสามารถในการที่จะสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมาจากจุดเล็กๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติต่างหาก

นอกจากนี้ผมยังค้นพบว่า กระดาษใบที่ผมได้มาด้วยมูลค่าแพงมหาศาลของภาษีคนไทย แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าคนที่ได้มันมาแล้วไม่ได้ทำอะไรที่มีคุณค่าต่อสังคมส่วนรวม กลับกลายเป็นว่าคนที่จบแค่ ป.4 หรือไม่จบอะไรเลย อาจจะมีคุณค่ากว่าคนที่จบ ปริญญาเอก ถ้าเขาได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อสังคมที่เขาอยู่ เพราะฉะนั้นที่ผมเขียนมานั้นผมเพียงแค่อยากจะบอกว่า คุณค่าของคนไม่ได้เกิดจากเรามีกระดาษหรือใบปริญญาหลายใบ หากแต่คุณค่าจะเกิดก็ต่อเมื่อเราได้ลงมือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สังคมและมวลมนุษยชาติ คำถามง่ายวันนี้ เราทำตัวเราให้มีคุณค่าให้กับสังคมที่เราอยู่หรือยัง อย่าเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนหรือกลุ่มของตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมให้มากนัก

ที่เขียนมาทั้งหมดไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองครับ แต่ผมอยากจะบอกว่าวิกฤตการณ์ต่างที่เกิดขึ้น จะผ่านไปได้โดยง่าย ก็แค่เราเห็นประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน คิดแค่นี้ก็จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติของเรามหาศาลแล้ว วันนี้ “เราทำประโยชน์และเสียสละอะไรเพื่อประเทศชาติกันบ้างหรือยัง” ฝากไว้เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แค่ตอบตัวเองเท่านั้นก็พอ อย่ารักชาติกันจนน้ำลายไหลกันให้มากไปกว่านี้เลยครับ ประเทศชาติเราจะได้เดินไปข้างหน้าเสียที เอวังครับ

Once a Special Force, Always a Special Force


วันนี้ขอเขียนอะไรที่อยากพูดออกมาเสียงดังมานนานแล้วว่า ชีวิตคนเรานั้น ถือได้ว่ามีวัฏจักรที่สั้นนัก เมื่อหันไปมองเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เริ่มรับราชการติดว่าที่ร้อยตรีเป็นทหารมาก็ร่วม 24 ปี และเหลือเวลารับราชการอีก 14 ปีก็จะเกษียณอายุ แสดงว่าตอนนี้เรารับราชการเป็นทหารมานานเกินครึ่งหนึ่งของเส้นทางแล้วหรือ แสดงว่าเราผ่านร้อนผ่านหนาวมาพอสมควร ซึ่งชีวิตรับราชการก็มีทั้งขึ้นและลง มีทั้งสิ่งที่ท้าทาย และมีสิ่งที่สามารถเรียกได้ว่าบัดซบ (ฟังดูอาจจะไม่สุภาพ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ)

แต่บนความขึ้นลงของชีวิตนั้น ช่วงเวลาที่ผมมีความสุขมากที่สุดในชีวิตรับราชการคือ ช่วงเวลาที่ใช้ชีวิตอยู่ในหน่วยรบพิเศษ ถึงแม้ผมจะมีโอกาสใช้ชีวิตในหน่วยรบพิเศษ แค่ 6 ปี หรือคิดเป็น หนึ่งในสี่ (25%) ของชีวิตรับราชการที่ผ่านมา แต่ก็เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ท้าทาย มีทั้งราบเรียบและเสี่ยงภัย ผมได้ทำอะไรต่อมิอะไร ที่คงไม่มีโอกาสที่จะไปทำในที่อื่นถึงแม้จะเป็นหน่วยทหารอื่นๆ เช่นกระโดดตัวเปล่าจาก เฮลิคอปเตอร์กำลังบินลงบนหลังคารถไฟที่กำลังวิ่ง

นอกจากนี้ผมยังได้มีโอกาสสัมผัสเคียงบ่าเคียงไหล่กับหน่วยรบพิเศษที่มีชื่อเสียงระดับโลก คือ หน่วยรบพิเศษกองทัพบกสหรัฐอเมริกา (Green Beret) ซึ่งส่วนใหญ่ของ Green Beret ที่ได้มีโอกาสสัมผัส คือ กองรบพิเศษที่ 1 (1st Special Forces Group) ทั้งกองพันที่ 1 และกองพันที่ 2 ที่เป็น กองรบพิเศษที่ 1 เพราะหน่วยนี้รับผิดชอบพื้นที่ เอเซียแปซิฟิก

นอกจากนี้ยังมีหน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ ที่มีชื่อเสียง อย่าง Delta Force หรือมีชื่ออย่างเป็นทางการคือ 1st Special Forces Operational Detachment-Delta (1st SFOD-D) ผมได้มีโอกาสสัมผัสแบบเคียงบ่าเคียงใหล่ กับ C Squadron

และการที่ได้ฝึกร่วมกับ Delta Force นั้นก็คงหนีไม่พ้น ต้องได้นั่งเจ้า Black Hawk หรือ UH 60 ตอนนั้นกองทัพบกยังไม่มีประจำการ เราได้นั่งห้อยขา บินเฉียดยอดไม้ทั้งกลางวันกลางคืนกันหลายรอบมาก รวมถึงการกระโดดร่ม แบบกระตุกเอง หรือที่เรียกกันว่า ดิ่งพสุธา ผมนั่งเจ้า Black Hawk พวกนี้ก่อนที่จะไปตกในกรุง โมกาดิชู ประเทศโซมาเลีย หรือที่รู้จักในชื่อ Black Hawk Down ที่เอามาทำเป็นภาพยนต์

นอกเหนือจาก ฝั่งสหรัฐฯ แล้ว ผมยังได้มีโอกาสสัมผัสกับ หน่วย SAS ของออสเตรเลีย หรือที่รู้จักกันชื่อ SASR - Special Air Service Regiment ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นกำลังใน 1st squadron เพราะเป็นหน่วยงานรับผิดชอบการต่อต้านการก่อการร้าย (Counter Terrorism – CT) ซึ่งได้รับประสบการณ์ต่างมากมาย

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าผมเป็นสุดยอดทหารรบพิเศษอะไร เพราะยังมีทหารรบพิเศษของไทยที่มีความสามารถหรือประสบการณ์มากกว่าผมอย่างเปรียบเทียบกันไม่ได้ แต่ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์บางส่วนที่มีโอกาสสัมผัสหน่วยทหารรบพิเศษเหล่านี้มา ซึ่งเราเคยได้ยิน หรือดูภาพยนต์มาเยอะ ซึ่งการมีประสบการณ์ตรงกับหน่วยเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นโอกาสที่ไม่ได้เกิดง่ายๆ กับทุกคน ผมจึงคิดว่าเป็นโชคดีของผมที่ผมได้มีโอกาสนั้น

หลายคนที่ติดตามกันมาใน social media ผมอาจจะเห็นบรรยากาศ เปลี่ยนไปบ้างมีอริยาบทเกี่ยวกับการยิงปืนเยอะมากขึ้น ส่วนหนึ่งแล้วมาจากการที่ผมอาจจะย้ายไปอยู่ส่วนงานที่อาจจะไม่มีภาระงานมากนัก เลยทำให้คิดถึงวัยเด็กหนุ่มๆ อยากกลับไปทำอะไรอย่างนั้นอีก แต่ครั้งจะกลับไปรับราชการในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ก็คงไม่มีโอกาสแล้วครับ ผมเดินมาไกลเกินกว่าที่จะกลับไป เพราะฉะนั้น ทุกจึงเป็นเพียงแค่ความทรงจำ และหวลระลึกถึงมันเมื่อมีโอกาส วันนี้เราเป็นทหารรบพิเศษไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราไม่ได้เป็น ทหารรบพิเศษ เพราะมีคำกล่าวที่ว่า "Once a Special Force, Always a Special Force" นั้นก็หมายความว่า เป็นรบพิเศษสักครั้งก็จะเป็นไปจนวันตาย

ในชีวิตทหารนั้น สิ่งที่ผมภูมิใจมากที่สุดคือการได้รับราชการในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหน่วยที่เป็น elite ของหน่วยรบพิเศษ คือ กองร้อยปฏิบัติการพิเศษ (หน่วยเฉพาะกิจ 90 : ฉก.90) ปัจจุบันได้ขยายอัตราเป็น กองพันปฎิบัติการพิเศษ แล้ว

ก็ไม่มีอะไรมากนอกจาก ทหารแก่รำพันโหยหาในอดีต วันนี้ไม่ได้กลับไปทำอย่างเดิม ขอให้ได้มาเต้นยอกๆ แย็กๆ บ้างก็ยังดี เพราะมันคือ “My pride, my honor and my dignity.” ครับ Hooah!!!!

รายการ Tactical Line ตอนที่ 5 - การตรวจสอบตาข้างที่ถนัด เพื่อการยิงปืนที่แม่นยำยิ่งขึ้น ( ยิงปืน )

การจัดศูนย์และการจัดภาพเล็ง นั้นเป็นหลักพื้นฐานในการยิงปืน ที่สำคัญ หลายคนอาจประสบปัญหาในการจัดศูนย์ และ จัดภาพเล็ง ทำให้การยิงปืนมีกลุ่มที่คลาดเคลื่อน รายการ Tactical Line ตอนนี้เป็นตอนที่ทำให้เราทราบถึงตาที่ถนัดของเรา

รายการ Tactical Line ตอนเทคนิคยิงปืน 2 - การ Transition จากปืนหลักไปยังปืนสำรอง ( ยิงปืน )



TRANSITION คือการละจากปืนหนึ่งไปใช้อีกปืนหนึ่ง เช่นปืนยาวติดขัดจึงทำการเปลี่ยนไปใช้ปืนพ­ก หรือเปลี่ยนใช้ให้เหมาะกับเป้าหมายปืนเช่น­ใช้ปืนลูกซองที่บรรจุกระสุนลูกปรายแต่ต้อง­การยิงหวังผลแม่นยำ เป็นจุด จึงต้องเปลี่ยนปืนTRANSITION เป็นปืนพก

สาวน้อย ยิงปืน

หลานสาวมาเยี่ยม สหาย Tacoma เลยจับแปลงกายแล้วไปยิงปืนเป็นสาวน้อย Tactical เลย หลานสาวเป็นคนถนัดมือขวาแต่ถนัดตาซ้ายเลยต้องปิดตา ครับ