วันพุธที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2558

กระดาษใบนี้มีมูลค่า ประมาณ 5 ล้านบาท


กระดาษใบนี้มีมูลค่า ประมาณ 5 ล้านบาท เป็นเงินที่มาจากภาษีประชาชนคนไทย ผมเองถ้าทำงานใช้หนี้ทุนต้องใช้เวลา 9 ปี และ ถ้าจะลาออกตอนจบการศึกษาผมต้องใช้เงิน 15 ล้านบาท (3เท่า) ทุกวันนี้ผมเองมีความรู้สึกตลอดเวลาว่า ยังทำประโยชน์ให้กับประเทศไทยไม่คุ้มค่าภาษีของประชาชนเลย สิ่งที่ทำได้สำหรับตัวผมเอง ณ วันนี้คือ ปวารณาตัวเองว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นึกแล้วก็เสียดายประสิทธิผลของงบประมาณแผ่นดินจริงๆ

หลายคนอยากได้กระดาษที่มีลักษณะทำนองอย่างนี้ เพื่อที่จะได้มีโอกาสใช้คำนำหน้าว่า ด๊อกเตอร์ ผมเองนั้นก็ไม่ต่างกันตั้งแต่วันที่ตัดสินใจไขว่คว้าหามันมาจนกระทั่งจบ ผมยังจำความรู้สึกต่างๆ ได้ดีกว่าจะได้กระดาษใบนี้มา ผมต้องนั่งทำงานทั้งวันทั้งคืน ง่วงก็ลงไปนอนข้างโต๊ะ สักพักนึงก็ตื่นขึ้นมาทำต่อ ทำอย่างนี้เป็นเดือนๆ และเมื่อสำเร็จ ผมยังจำความรู้สึกที่ Defense Dissertation ผ่านแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาออกมาจับมือ และพูดว่า แสดงความยินดีด้วย ด๊อกเตอร์ธีรนันท์ ผมยังจำความรู้สึก ณ วันนั้นได้ดี ตอนนี้นี้ก็ผ่านมา 10 กว่าปี ผมกลับรู้สึกว่าผมรู้อะไรอะไรน้อยลงทุกที มีความรู้เท่าเม็ดทรายเล็กๆๆ เพราะมีสิ่งกว้างใหญ่ไพศาลในโลกนี้อีกจำนวนมากที่คนหนึ่งคนจะไม่สามารถรับรู้ได้หมด และผมก็เชื่อว่าหลายคนที่จบปริญญาเอกมาก็คิดเหมือนผม คือเรารู้อะไรแค่จุดเล็กๆ แต่คนอื่นมักจะคิดว่าเรารู้ทุกเรื่อง ความจริงแล้วสิ่งสำคัญของคนที่จบปริญญาเอกมา ไม่ใช่รู้ทุกเรื่อง แต่เป็นความสามารถในการที่จะสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ ขึ้นมาจากจุดเล็กๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติต่างหาก

นอกจากนี้ผมยังค้นพบว่า กระดาษใบที่ผมได้มาด้วยมูลค่าแพงมหาศาลของภาษีคนไทย แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย ถ้าคนที่ได้มันมาแล้วไม่ได้ทำอะไรที่มีคุณค่าต่อสังคมส่วนรวม กลับกลายเป็นว่าคนที่จบแค่ ป.4 หรือไม่จบอะไรเลย อาจจะมีคุณค่ากว่าคนที่จบ ปริญญาเอก ถ้าเขาได้ทำสิ่งที่มีคุณค่าต่อสังคมที่เขาอยู่ เพราะฉะนั้นที่ผมเขียนมานั้นผมเพียงแค่อยากจะบอกว่า คุณค่าของคนไม่ได้เกิดจากเรามีกระดาษหรือใบปริญญาหลายใบ หากแต่คุณค่าจะเกิดก็ต่อเมื่อเราได้ลงมือทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม สังคมและมวลมนุษยชาติ คำถามง่ายวันนี้ เราทำตัวเราให้มีคุณค่าให้กับสังคมที่เราอยู่หรือยัง อย่าเห็นแต่ประโยชน์ส่วนตนหรือกลุ่มของตนมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมให้มากนัก

ที่เขียนมาทั้งหมดไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองครับ แต่ผมอยากจะบอกว่าวิกฤตการณ์ต่างที่เกิดขึ้น จะผ่านไปได้โดยง่าย ก็แค่เราเห็นประโยชน์ของส่วนรวมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตน คิดแค่นี้ก็จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติของเรามหาศาลแล้ว วันนี้ “เราทำประโยชน์และเสียสละอะไรเพื่อประเทศชาติกันบ้างหรือยัง” ฝากไว้เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ แค่ตอบตัวเองเท่านั้นก็พอ อย่ารักชาติกันจนน้ำลายไหลกันให้มากไปกว่านี้เลยครับ ประเทศชาติเราจะได้เดินไปข้างหน้าเสียที เอวังครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น